เรื่องล่าสุด

หมวดหมู่

ขั้นตอนการเพาะเมล็ด 2

หลังจากที่ได้แนะนำขั้นตอนการเพาะเมล็ดทั้ง 2 แบบ ไปแล้ว ทั้งแบบเมล็ดขนาดเล็ก และเมล็ดขนาดกลาง ในบทความนี้ก็จะมาต่อกับการเพาะเมล็ดในแบบที่เหลือต่อไป นั่นคือ

3. เมล็ดขนาดใหญ่ แบ่งออกเป็น 2 แบบด้วยกัน คือ เมล็ดที่มีลักษณะกลมและเมล็ดที่มีลักษณะแบน – เมล็ดที่มีลักษณะกลม เริ่มโดยการวางเมล็ดลงในวัสดุเพาะและเว้ยระยะห่างเท่าๆ กัน ใช้นิ้วมือที่แห้งสนิทกดเมล็ดลงในวัสดุเพาะเบาๆ เพียงครั้งเดียว และอย่าให้ลึกนัก นำภาชนะเพาะลงไปวางในถาดหรือจานที่บรรจุน้ำ ปล่อยให้ดูดน้ำจนชุ่มประมาณ 10 นาทีขึ้นไป เมื่อชุ่มชื้นทั่วถึงดีแล้ว ให้โปรยทรายหยาบลงไปให้ทั่วโดยให้มีขนาดความหนาพอๆ กับเมล็ด จากนั้นจึงไปวางในถาดหรือจานอีกใบหนึ่ง

– เมล็ดที่มีลักษณะแบน ใช้แหนบหยิบวางทีละเมล็ดและกดลงไปในวัสดุเพาะนำภาชนะเพาะไปวางในถาดหรือจานที่บรรจุน้ำ ปล่อยให้ดูดน้ำจนชุ่ม เมื่อชุ่มดีแล้วให้โปรยทรายหยาบให้ทั่ว โดยให้มากกว่าการเพาะเมล็ดชนิดอื่นๆ เล็กน้อย คือให้มีความหนาประมาณครึ่งเซนติเมตร หรืออาจจะประมาณความหนาของทรายโดยดูจากขนาดของเมล็ดก็ได้

4. เมล็ดผสมกันหลายขนาด เมล็ดของแคคตัสที่คละกันขนาดของเมล็ดก็มีความแตกต่างกันออกไป สำหรับเมล็ดที่มีขนาดใหญ่หรือเมล็ดชนิดแบบนั้น อาจจะใช้วิธีกดลงไปในดินได้ สำหรับเมล็ดขนาดกลางและขนาดเล็กไม่สามารถใช้วิธีนั้นได้ วิธีที่ดีที่สุด คือ ใช้วัสดุที่มีลักษณะแข็งและเป็นมัน กดเมล็ดทุกเมล็ดที่หว่านในภาชนะแล้วลงไป วัสดุที่มีผิวมันจะไม่ทำให้เมล็ดตามติดขึ้นมา เมื่อกดเมล็ดลงในวัสดุเพาะแล้วจึงโปรยทรายหยาบลงไปบางๆ พอที่เมล็ดเล็กๆ จะมีที่แทงต้นกล้าขึ้นมาได้ […]

สกุล Espostoa

สกุล Espostoa แคคตัสในสกุลนี้มีอยู่ 8 ชนิด และมีอีก 2-3 สายพันธุ์ ชื่อสกุล Espostoa ตั้งขึ้นเพื่อเป็นเกียรติให้แก่ N.E. Espostoa of Lima ของประเทศเปรู ต้นมีลักษณะเป็นพุ่มๆ หรือคล้ายไม้ยืนต้นก็ได้ มีสีเขียว ปกคลุมไปด้วยขนพุ่มสีขาวหนาแน่น มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 5-15 เซนติเมตร และสูง 2-7 เมตร ลำต้นเป็นสัน 20-30 สัน มีตุ่มหนามอยู่ชิดติดกัน ประกอบไปด้วยหนามข้างที่มีขนาดสั้น ค่อนข้างละเอียดมีหลายสี เช่น สีขาว สีเหลือง หรือสีออกแดงๆ ประมาณ 20-40 อัน หนามกลางมีลักษณะเหมือนกับหนามข้าง แต่แข็งแรงกว่า มีอยู่ประมาณ 1-2 อัน และยาวประมาณ 1-4 เซนติเมตร นอกจากนี้ยังมี cephalium ซึ่งปกคลุมไปด้วยขนสีเขียวออกเหลืองๆ ถึงสีน้ำตาล อยู่ทางด้านข้างของลำต้น

ดอกจะออกอยู่ตรงบริเวณ cephalium […]

สกุล Parodia

สกุล Parodia แคคตัสในสกุลนี้มีมากกว่า 100 ชนิดและอีกหลากหลายสายพันธุ์ ชื่อสกุล Parodia ต้งขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่ Dr. Domingo Parodi นักพฤกษาศาสตร์ชาวปารากวัย ลักษณะลำต้นอ้วนแป้นเป็นทรงกระบอก ตามปกติมักจะขึ้นอยู่เป็นต้นเดี่ยวๆ ลำต้นเป็นสัน มีประมาณ 12-15 สัน เรียงเวียนเป็นเกลียว ตุ่มหนามเป็นปุยนุ่ม การผลิหนามมีหลายลักษณะ เช่น เป็นหนามตรง หรือโค้งงอเป็นตะขอ หนามข้างมีลักษณะละเอียด มีอยู่ประมาณ 10-40 อัน ส่วนหนามกลางลักษณะแข็งแรงง มีอยู่ประมาณ 1-10 อัน หนามมีหลายสีด้วยกัน เช่น สีขาว สีเหลือง สีน้ำตาลออกแดง ดอกมีลักษณะทรงกรวย ผิวด้านนอกของดอกเป็นเกล็ด มีขนหรือหนามแข็งปกคลุม มีหลายสี เช่น สีเหลือง สีส้มสดใส และสีแดง ส่วนท่อดอกมีขนาดสั้นมาก ผลมีสีครีมหรือสีน้ำตาลซีด มีทรงกลมหรือรี มีขนแข็งเล็กๆ ปกคลุม และจะแห้งเมื่อแก่เต็มที่

แคคตัสสกุล Parodia […]

ความเป็นมาของแคคตัส

ต้นตระกูลของแคคตัสเริ่มในช่วงยุค Mesozonic และช่วงต้นของยุค Teriaary ซึ่งเป็นยุคที่พืชมีดอกมีการพัฒนามากที่สุด แต่เดิมนั้นแคคตัสมีลักษณะที่ไม่แตกต่างจากพืชชนิดอื่นๆ เท่าไรนัก ยังคงมีใบที่แท้จริงและมีทรงต้นเหมือนๆ กับพืชชนิดอื่น แต่ด้วยเหตุผลที่ต้องเผชิญกับอากาศและสภาพแวดล้อมต่างๆ ตลอดเวลา โดยเฉพาะในช่วงที่มีปริมาณน้ำฝนลดลงและอากาศที่ร้อนแห้ง จึงส่งผลกระทบต่อพืชในแถบนี้ที่ได้รับแสงอาทิตย์โดยตรง จึงต้องมีการพัฒนาและปรับตัวให้เข้ากับสภาพอากาศเพื่อให้สามารถต้านทานต่อสภาพแวดล้อมเช่นนี้ให้ได้ จึงมีการเก็บสะสมน้ำจำนวนมากไว้ที่ลำต้น ทำให้ลำต้นมีลักษณะอวบอ้วนและสั้นลง

แคคตัสเป็นพืชพื้นเมืองที่มีถิ่นกำเนิดอยู่ในทวีปอเมริกา มีการแพร่กระจายพันธุ์ไปยังแหล่งอื่นๆ ด้วยวิธีการต่างๆ กัน เช่น แคคตัสสกุล Rhipsalis แพร่พันธุ์อยู่ในแอฟริกาและอินเดียโดยนก หรือแคคตัสสกุล Opuntia ซึ่งมีผู้นำเข้าไปปลูกเลี้ยงในทวีปยุโรป เป็นต้น

สำหรับในประเทศไทยเอง ไม่ได้มีการบันทึกประวัติไว้อย่างแน่ชัดว่ามีการนำเข้าแคคตัสเข้ามาปลูกตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่คาดว่าน่าจะยาวนานกว่า 30 ปีมาแล้ว โดยในสมัยก่อนมีแคคตัสเพียงไม่กี่สายพันธุ์เท่าไร อย่างเช่น ใบเสมอ หรือโบตั๋น เป็นต้น

การให้น้ำแคคตัส

แคคตัสเป็นพืชที่ทนต่อความแห้งแล้งได้ดี แต่ไม่ต้องการการดูแลรักษามากนัก แต่ถ้าแคคตัสขาดน้ำ แม้จะไม่ตายเพราะในต้นมีน้ำเลี้ยง แต่ก็จะไม่เจริญเติบโตงอกงามเท่าที่ควร เพราะขาดน้ำที่เพียงพอ

วิธีการให้น้ำแคคตัสอย่างถูกต้อง คือ ไม่ควรรดน้ำทุกวัน ให้ดูที่สภาพของดินก่อน ถ้าดินเริ่มแห้งจึงจะรด อาจจะรดทุกๆ 2-3 วัน หรือไม่ควรถี่จนเกินไป หรือถี่แบบวันเว้นวัน ควรรดน้ำให้โชกถึงราก แต่ระวังอย่าให้น้ำขังหรือดินแฉะ เพราะจะทำให้แคคตัสเน่าหรือเป็นโรคตายได้

แคคตัสแต่ละพันธุ์มีความต้องการน้ำและความถี่ในการรดน้ำแตกต่างกันออกไป มีวิธีทดสอบได้อย่างง่ายๆ คือ การปักไม้แห้งเล็กๆ ลงไปให้ลึกถึงโคนกระถางในวันที่รดน้ำ จากนั้นให้คอยสังเกตว่าไม้ยังชื้นน้ำอยู่หรือไม่ หากไม้แห้งเมื่อใดก็แสดงว่าถึงเวลาให้น้ำครั้งต่อไปแล้ว เมื่อนับระยะเวลาตั้งแต่วันที่รดน้ำครั้งแรกจนถึงวันที่ไม้ที่ปักแห้ง ก็จะได้ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการรดน้ำให้แก่แคคตัสพันธุ์นั้นๆ