เรื่องล่าสุด

หมวดหมู่

สกุล Uebelmannia

สกุล Uebelmannia แคคตัสในสกุลนี้มีอยู่ด้วยกัน 5 ชนิด ลำต้นมีลักษณะทรงกลม และทรงกระบอก ขนาดเล็ก ลำต้นเป็นสันสีน้ำตาลอมแดง ผิวต้นเป็นมันคล้ายเคลือบด้วยขี้ผึ้ง สันต้นประกอบไปด้วยตุ่มหนามที่มีปุยสีขาว ปกคลุม และมีหนามแข็ง สั้นๆ ตั้งตรงสีขาวอยู่ 2-3 อัน ดอกมีสีเหลือง ลักษณะทรงกรวย ขนาดเล็ก จะผลิดอกบริเวณปลายยอดของต้น ผลมีลักษณะทรงกลมหรือทรงกระบอก สีเหลืองอมเขียวหรือสีแดง เกิดบริเวณปลายยอดของต้น เมล็ดมีลักษณะทรงกลมหรือรูปไข่ สีดำ หรือสีน้ำตาล ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 2.3 มิลลิเมตร

แคคตัสในสกุล Uebelmannia มีถิ่นกำเนิดในบราซิล ชอบดินที่มีความอุดมสมบูรณ์ ร่มเงา ความชื้นในอากาศต่ำ และอากาศอบอุ่น และที่สำคัญก็คือไม่ควรงดให้น้ำโดยการรดลงดินโดยตรง แต่ควรให้โดยการฉีดพ่นเป็นฝอยจะดีกว่า

ดินปลูกสำหรับแคคตัส

คนส่วนใหญ่มักจะเข้าใจกันว่า แคคตัสเป็นพืชที่ชอบขึ้นอยู่ในพื้นที่ที่มีอากาศร้อนแห้งแล้ง อย่างทะเลทราย แต่ในความเป็นจริงแล้วแคคตัสสามารถเจริญเติบโตได้ดีในหลายๆ พื้นที่ เช่น บริเวณชายฝั่งทะเล บริเวณทุ่งหญ้า ในป่าที่มีความชื้นสูง ที่ความสูงระดับน้ำทะเลไปจนถึงที่ระดับความสูงกว่า 4,000 เมตร อากาศหนาวเย็น เช่นทางตอนเหนือและตอนใต้ของอเมริกา ที่อากาศร้อนแห้งแล้ง เช่น ทะเลทราย บริเวณที่ราบ ตามซอกไหล่กินเขาซึ่งมีดินอุดมสมบูรณ์ หรือเป็นหินแข็ง

นอกจากนี้ยังพบว่ามีแคคตัสหลายชนิดที่เจริญเติบโตได้โดยอาศัยร่มเงาและความชื้นจากพืชในกลุ่ม Xerophyte พวก Selaginella Lepidophylla (Resurrection Plant) เช่น แคคตัสพวก Ephithelantha bokei ซึ่งเจริญเติบโตขึ้นจากเมล็ด นั่นแสดงให้เห็นว่าแคคตัสสามารถเจริญเติบโตได้ดีในทุกสภาพพื้นที่ และสภาพอากาศของโลกเกือบทั่วไปไม่จำกัด เฉพาะแถบทะเลทรายเท่านั้น แคคตัสจึงเหมือนกับพืชชนิดอื่นๆ ที่ต้องการวัสดุปลูกที่มีความอุดมสมบูรณ์ หรือเป็นดินผสมที่มีความอุดมสมบูรณ์ หรือเป็นดินผสมที่มีความอุดมสมบูรณ์ โปร่งรวน น้ำไหลผ่านได้สะดวก ไม่อุ้มน้ำ และรักษาความชื้นได้ดี

ส่วนผสมของวัสดุปลูกแคคตัสนั้นโดยส่วนมากนิยมใช้ ดังนี้ – ดิน ควรเป็นดินร่วนหรือดินร่วนเหนียว โดยการนำดินไปตากให้แห้ง นำไปทุบให้ร่วนเป็นเม็ดเล็กๆ จากนั้นให้นำไปตากแดดจัดๆ อีกประมาณ 1-2 […]

สกุล Ferocactus

สกุล Ferocactus แคคตัสในสกุลนี้มีอยู่ประมาณ 40 ชนิด ชื่อสกุล Ferocactus มีความหมายว่าหนามที่แข็งแรงมาก แคคตัสในสกุลนี้มีรูปร่างลักษณะแตกต่างกันออกไปมากมาย เช่น ต้นเป็นทรงกลมหรือทรงกลมแป้น มีขนาดเล็ก หรืออาจะจะเป็นต้นสูงได้ถึง 3 เมตรและมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางมากกว่า 1 เมตร ส่วนมากมักจะขึ้นเป็นต้นเดี่ยวๆ แต่ก็อาจจะพบได้ 2-3 ชนิดที่จะขึ้นอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม 20-30 ต้น เช่น ชนิด Ferocactus staninesii บริเวณลำต้นจะมีส่วนที่คล้ายกับหัวเล็กๆ แต่ส่วนนั้นมักจะถูกกลืนหายไปกับสันลำต้นในเวลาต่อมา ลำต้นเป็นสัน 8-30 สันและมีลักษณะแตกต่างกันออกไปตามแต่ชนิดของมัน บางชนิดอาจขึ้นเป็นแถวตรง แต่บางชนิดอาจมีลักษณะบิดเป็นเกลียว ตุ่มหนามมีขนาดใหญ่ ประกอบด้วยหนามข้างที่แข็งมาก มีลักษณะอ้วนและแผ่กระจายไปโดยรอบ ประมาณ 10-20 อัน แต่ละอันยาวประมาณ 7.5 เซนติเมตร และหนามกลางซึ่งโผล่ตั้งออกมาจากตุ่มหนาม ตรงปลายหนามมีลักษณะเป็นรูปตะขอแข็ง ประมาณ 4 อัน และยาวได้ถึง 15 เซนติเมตร

ดอกมีลักษณะเป็นทรงระฆัง เกิดขึ้นที่บริเวณตุ่มหนามเป็นวงกลมตอนบนของต้นมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 5-7.5 […]

การปลูกแคคตัสในกระบะ และการปลูกลงดิน

การปลูกแคคตัสในกระบะหรือถาด ควรเลือกแคคตัสที่มีลักษณะลำต้นเป็นทรงกลมหรือมีทรงต้นไม่สูงนักโดยปลูกให้มีระยะห่างของแต่ละต้นเท่าๆ กัน และควรปลูกในถาดหรือกระบะที่มีขนาดไม่ใหญ่นัก เพื่อความสะดวกในการเคลื่อนย้าย

การปลูกลงดิน ควรเลือกทำเลที่มีการระบายน้ำที่ดี น้ำไม่ขัง ควรเป็นที่กลางแจ้ง มีแสงแดดส่องถึงในปริมาณวันละ 3-4 ชั่วโมง เป็นอย่างน้อย แต่ควรระวังเรื่องดินผสม อย่าให้ดินแน่นจนเกินไป อาจใช้วิธียกเป็นแปลงปลูกให้สูงกว่าระดับดินโดยรอบก็ได้

สกุล Dolichothle

สกุล Dolichothle แคคตัสสกุลนี้มีอยู่ทั้งหมด 10 ชนิด ชื่อสกุล Dolichothle มาจากภาษากรีก หมายถึง เนินหนาม หรือลักษระที่ยาวยื่นออกมา ต้นมักมีขนาดเล็กแคระ ขึ้นอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม ต้นเดี่ยวๆ จะมีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 2.5-7.5 เซนติเมตร ประกอบด้วยเนินหนามยาวนุ่มสีขาว ซอกเนินหนามม้วนสั้นเป็นปุยนุ่ม ที่ยอดเนินหนามประกอบด้วยตุ่มหนามซึ่งมีหนามกลางมากถึง 10 อัน ส่วนในบริเวณอื่นจะมีหนามกลางประมาณ 4-5 อัน แต่บางชนิดก็ไม่มีเลย บางชนิดก็อาจมีหนามกลางเพียง 1 อัน และมีปลายงอเป็นตะขอ หนามเปราะหักง่าย ยาวประมาณ 1.25-2.5 เซนติเมตร มีสีขาว สีเหลือง และสีน้ำตาล ดอกมีกลิ่นหอม เส้นผ่าศูนย์กลาง 5-7.5 เซนติเมตร มักอยู่ในโทนสีเหลือง ผลยาวประมาณ 2.5 เซนติเมตร เมื่อสุกมีสีเขียวถึงสีเขียวอมแดง

แคคตัสสกุล Dolichothle มีถิ่นกำเนิดอยู่ทางแถบเม็กซิโก และทางตะวันออกเฉียงใต้ของอเมริกา ขยายพันธุ์ได้ทั้งเพาะเมล็ดและการแยกหน่อ และในบางชนิดหน่อใหม่ที่แตกออกมาจากต้นเก่าจะมีรากติดมาด้วย สามารถเจริญเติบโตได้ดีในที่ที่มีร่มเงา […]