การขยายพันธุ์แคคตัสโดยการต่อยอด ปัจจุบันเป็นที่ได้รับความนิยมอย่างมาก โดยเฉพาะกับแคคตัสพันธุ์ที่มีสีสันต่างๆ ที่ไม่ใช่สีเขียว เช่น สกุล Gymnocalycium นำมาต่อกับต้นตอสีเขียว เช่น สกุล Cereus , Trichocereus หรือ Opuntia ซึ่งมีสารคลอโรฟีลล์ที่ใช้ในการสังเคราะห์แสงเพื่อสร้างอาหาร ดูดน้ำ และแร่ธาตุ ไปเลี้ยงต้นที่มีสีซึ่งหาอาหารเองไม่ได้ หรืออีกนัยหนึ่ง คือ เป็นการนำส่วนของต้นที่เจริญเติบโตช้าต่อเข้าต้นต่อของต้นที่แข็งแรงและโตเร็วกว่า การต่อยอดช่วยร่นระยะเวลาในการออกดอก ซึ่งตามปกติ แคคตัสจะใช้เวลาประมาณอย่างน้อย 1-2 อย่างปี กว่าจะเจริญเติบโตจนสามารถออกดอกได้ บางสกุลจะใช้เวลานานถึง 10-20 ปีเลยทีเดียว การต่อยอดจึงช่วยให้ต้นแตกกิ่งก้าน และออกดอกเร็วกว่าปกติ ยกเว้นบางสกุลที่มี cephalium เช่น Melocactus , Discocactus ที่การต่อยอดไม่มีผลในการร่นระยะเวลาการออกดอกนัก
นอกจากนี้ยังสามารถใช้วิธีการต่อยอดเพื่อจะได้ตัดส่วนที่แตกใหม่ไปใช้ในการแพร่พันธุ์ เนื่องจากแคคตัสบางชนิดไม่แตกสาขาออกไป แต่จะแตกก็ต่อเมื่อนำไปต่อเข้ากับต้นอื่น หรืออีกประกานหนึ่ง คือ เพื่อช่วยในการรักษาต้นที่เสียรากไปเอาไว้ได้ หรือใช้ในการปลูกพันธุ์ที่เติบโตด้วยรากของตัวเองได้ลำบาก ในการต่อยอดแคคตัสนั้นไม่มีการจำกัดอายุของต้นว่าควรเป็นเท่าใด แต่ต้นอ่อนจะสามารถต่อได้ง่ายกว่าเพราะไม่แข็งจนเกินไปนัก ดังนั้นถ้าเป็นแคคตัสที่มีอายุ 1-2 ปี จึงสามารถนำไปต่ดยอดได้ผลเป็นอย่างดี
อุปกรณที่สำหรับใช้ในการต่อยอดมีเพียงที่สะอาดและคมมากๆ เช่น ใบมีดโกน โดยวิธีการต่อยอดทำได้ง่ายๆ คือใช้มีดปาดส่วนยอดของต้นตอ (stock) และโคนของต้นพันธุ์ (scion) ต้องระวังให้รอยตัดเรียบสม่ำเสมอ เฉือนมุมต้อตอแต่ละด้านให้ลาดเอียงประมาณ 45 องศา เพื่อช่วยระบายน้ำไม่ให้ขังเป็นแอ่งเบริเวณรอยต่อ ส่วนโคนของต้นพันธุ์ควรเฉือนให้เรียบเสมอกันและให้พื้นที่หน้าตัดเหมาะสมกับต้นตอ คือ ควรให้มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางของรอยตัดใกล้เคียงกัน เพราะเนื้อเยื่อพืชแบ่งออกเป็น 2 ชั้น คือ ชั้นนอกที่เรียกว่า epidermis ทำหน้าที่ปกป้องเซลล์ชั้นอื่นๆ และเนื้อเยื่อชั้นในซึ่งเรียกว่า vascular tissue ซึ่งทำหน้าที่เกี่ยวกับการลำเลียงน้ำและอาหาร เนื้อเยื่อชั้นนอกของพืชจะเจริญเติบโตเร็วกว่าชั้นในถ้าเนื้อเยื่อชั้นนอกของต้นตอและต้นพันธุ์เชื่อมติดกันและขยายขนาดจนรอยต่อสูงขึ้น ทำให้เนื้อเยื่อขั้นในที่เจริญเติบโตช้ากว่าไม่เชื่อมติดกัน ต้นพันธุ์จะขาดน้ำและอาหารจนตายไปในที่สุด
เมื่อตัดเฉือนทั้งต้นตอและต้นพันธุ์แล้ว ให้นำต้นพันธุ์มาวางซ้อนบนต้นตอ ยึดด้วยด้ายหรือเทปใส จากนั้นนำกระถางไปวางไว้ในที่ร่ม มีอากาศถ่ายเทสะดวก และมีระดับความชื้นในอากาศไม่สูงมากนัก ในระยะแรกๆ นั้นไม่ควรรดน้ำ รอไปสักประมาณ 1-2 สัปดาห์ รอยต่อจะเชื่อมกันจึงแกะด้ายออกหรือเทปใสออก ในระยะนี้ต้องดูแลให้โคนเปียกชื้นโดยการรดน้ำที่โคนต้น และหาร่มเงาให้ยอดที่แตกใหม่ และให้อยู่ในที่อบอุ่นเป็นเวลาประมาณ 10-14 วัน หากยอดที่ต่อใหม่ไม่หักลงมาก็ถือว่าใช้ได้ และสามารถดูแลได้ตามปกติ