เรื่องล่าสุด
-
กลุ่ม Opuntia
ตุลาคม 30, 2025
-
กลุ่ม Echinopsis
ตุลาคม 29, 2025
-
ลักษณะหนามของแคคตัส
ตุลาคม 29, 2025
-
สกุล Thelocactus
ตุลาคม 28, 2025
-
กลุ่ม Rebutia
ตุลาคม 28, 2025
-
การขยายพันธุ์แคคตัสโดยการต่อยอด
ตุลาคม 27, 2025
-
สกุล Pilosocereus
ตุลาคม 27, 2025
-
สกุล Lophophora
ตุลาคม 26, 2025
-
สกุล Carnegiea
ตุลาคม 26, 2025
-
สกุล Gymnocalycium
ตุลาคม 25, 2025
|

กลุ่ม Opuntia กลุ่มนี้เป็ยกลุ่มที่มีอยู่มากมายหลายสกุลด้วยกัน ลักษณะรูปทรงส่วนใหญ่ของทรงต้นมีความแตกต่างกันออกไปหลายรูปแบบ เป็นแคคตัสที่ให้ดอกสีด้วย ทั้งสีขาว สีเหลือง สีส้ม และสีแดง มีใบขนาดเล็ก มี giochids (เมล็ดมีปีก) และมี aril (เยื่อหุ้มเมล็ด) แบ่งออกเป็นสกุล Opuntia , Oereshiopsis , Pterocactus , Quiabentia และ Tacinga มีหลายสายพันธุ์ด้วยกัน ได้แก่ Opuntia durangensis , Opuntia ammophila , Opuntia bergeriana , Opuntia microdasys fa. albo เป็นต้น

กลุ่ม Echinopsis มีลักษณะคล้ายกับกลุ่ม Cereus แต่ลำต้นมีขนาดเล็กกว่า ดอกมีลักษณะเป็นหลอด และผิวด้านนอกของดอกมักมีขนหรือเกล็ดสั้นๆ ปกคลุมอยู่
แคคตัสกลุ่มนี้แบ่งออกเป็นหลายสกุลด้วยกันได้แก่ Acanthocalycium , Arequipa , Arthrocereus , Borzicactus , Cephalocleistocactus , Chamaecereus , Cleistocactus , Denmoza , Echinopsis , Espostoa , Haageocereus , Hildewintera , Lobivia , Matuacana , Mila , Oreocereus , Oroya , Rebutia , Soehrensai , Sulcorebutia , Thrizanthocereus , Weberbauerocereus และ Weingartia

หนามของแคคตัสเกิดจากากรลดรูปของใบกลายเป็นหนามเพื่อช่วยลดการคายน้ำ และป้องกันอันตรายจากคนและสัตว์ สำหรับนามของแคคตัส มี 2 ส่วน คือ 1. หนามกลาง 2. หนามข้าง
จำนวนและลักษณะของหนามจะแตกต่างกันออกไปตามพันธุ์ของแคคตัส เช่น หนามแข็ง หนามอ่อนนุ่มคล้ายขนสัตว์ หนามรูปหวี หรือ มีปลายงอคล้ายตะขอ เป็นต้น ส่วนมากหนามกลางมักจะแข็งแรงและยาวกว่าหนามข้าง แคคตัสบางชนิดจึงมีเพียงหนามกลาง บางชนิดมีเพียงหนามข้าง และบางชนิดไม่มีหนามเลย ส่วนสีของหนามก็มีหลายสีแล้วแต่พันธุ์ และบางครั้งยังสามารถเปลี่ยนแปลงสีไปตามสภาพการเลี้ยงอีกด้วย

สกุล Thelocactus แคคตัสในสกุลนี้มีอยู่ประมาณ 25 ชนิดและอีกหลากหลายสายพันธุ์ ชื่อสกุล Thelocactus มาจากภาษากรีก ที่หมายถึง แคคตัสหัวนม (nipple cactus) มีลักษณะทรงกลมหรือทรงกระบอก สีเขียวถึงสีเทาอาจจะขึ้นอยู่เป็ยกลุ่มหรือเป็นต้นเดี่ยวๆ ก็ได้ โครงสร้างของพูกลีบมีลักษณะเป็นหัวย่อยๆ มากมาย ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 20 เซนติเมตร และสูงประมาณ 25 เซนติเมตร ลำต้นเป็นสัน มีประมาณ 20 สัน ตุ่มหนามมีลักษณะทรงกลมหรือรูปไข่ มักมีปุยสีขาวหรือสีครีมปนอยู่ด้วย ประกอบไปด้วยหนามข้างค่อนข้างเล็ก และแข็งแรงปานกลาง มักขึ้นแผ่กระจายแนบขนานไปกับลำต้น ประมาณ 25 อัน แต่ละอันยาวมากกว่า 3 เซนติเมตร ส่วนหนามกลางแข็งแรงกว่าหนามข้าง มีหลายลักษณะด้วยกัน เช่น โค้งงอ หรืออ้วน และมีหลายสี เช่น สีขาว สีเหลือง สีแดง และสีดำ มีอยู่ประมาณ 1-4 อัน
ดอกมีหลายสีด้วยกัน เช่น สีขาว สีแดง สีม่วงแดง มีลักษณะบานแผ่ออกกว้าง ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 4-7 เซนติเมตร ส่วนผลมีลักษณะทรงกลมหรือรูปไข่ เมื่อแก่จะแห้งและแตกออก ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1 เซนติเมตร
แคคตัสในสกุล Thelocactus มีถิ่นกำเนิดในเม็กซิโก ทางตะวันตกเฉียงใต้ของอเมริกา ขยายพันธุ์ได้โดยการเพาะเมล็ด เจริญเติบโตได้ช้า แต่ปลูกเลี้ยงได้ง่าย ชอบดินที่มีการระบายน้ำได้ดีปานกลาง ในช่วงฤดูร้อนและฤดูฝนจะชอบน้ำมาก และควรงดให้น้ำในฤดูหนาว เพื่อให้สามารถทนต่อสภาพอากาศหนาว และอุณหภูมิต่ำได้

กลุ่ม Rebutia แคคตัสกลุ่มนี้เป็นพืชพื้นเมืองของทางภาคใต้อเมริกา มีลักษณะรูปร่างลำต้นเป็นทรงหลอดยาว บางพันธุ์ก็มีทรงกลม แตกเป็นกอและออกดอกที่ปลายหลอด (ต้น) ดอกนั้นก็มีหลากหลายสีด้วยกัน เช่น สีส้ม สีเหลือง สีครีม สีชมพู และสีแดง สำหรับสายพันธุ์ ก็มีด้วยกันหลายสายพันธุ์ ได้แก่ Rebutia haagei , Rebutia costata, Rebutia fiebrigii, Rebutia pseudodeminuta , Rebutia aureiflora , Rebutia pygmaea เป็นต้น
|
|